ไม้วิศวกรรม (Engineering Floor) คืออะไรหนอ

วันนี้นั่ง Search หาราคาปาร์เก้ ก็ไปเจอไม้ Engineer ไม้วิเนียร์
..ดูรูปก็สวยดี เลยเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่ามันคือไม้อะไรกันนี่
สรุปว่ามันคือไม้อัดดีๆ นี่เอง

ปัจจุบันวัสดุสำหรับใช้ปูพื้นมีให้เลือกมากมาย แต่ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องก็คงหนีไม่พ้นวัสดุที่ได้จากธรรมชาติซึ่งก็คือ ไม้นั่นเอง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความอบอุ่นจากสีของเนื้อไม้และคุณสมบัติที่ดีอีกหลายประการ ดังนั้นการนำไม้มาใช้เป็นวัสดุปูพื้น เราจึงควรเลือกให้เหมาะสมกับสถานที่และรสนิยมในการตกแต่งบ้านด้วย แต่ในที่นี้ขออนุญาตกล่าวถึงเฉพาะพื้นไม้จริงและพื้นไม้สำเร็จรูปรุ่นใหม่ๆซึ่งกำลังเป็นที่นิยมใช้กันอยู่เท่านั้น

1.พื้นไม้จริง (Solid Wood Flooring)
เป็นวัสดุธรรมชาติที่ถูกนำมาใช้งานเป็นเวลานานแล้ว ปัจจุบันกลายเป็นสิ่งที่มีค่า เพราะมีคุณสมบัติเด่นหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแข็งแรง ความคงทนต่อสภาพอากาศ ไม้ที่นิยมนำมาใช้เป็นวัสดุปูพื้นนั้น แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ ไม้ในประเทศ เช่น ไม้สัก ไม้แดง ไม้มะค่า และอีกกลุ่มหนึ่งคือไม้นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ไม้โอ๊ก ไม้ไวท์แอช ไม้ฮาร์ดเมเปิ้ล

*ลักษณะของพื้นไม้จริง
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปไม้ท่อนหรือไม้ซุงมาเป็นแผ่นๆ ส่วนใหญ่จะผ่านการอบไล่ความชื้นและอาบน้ำยามาเป็นอย่างดีแล้ว มีหน้ากว้างหลายขนาด อาทิ 4นิ้ว,6 นิ้ว ,8 นิ้ว หรือมากกว่านั้น โดยมีความหนาประมาณ 0.5 -1 นิ้ว ขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ เพราะแต่ละชนิดจะมีความแข็งแรงและการยืดหดของเนื้อไม้ไม่เท่ากัน ส่วนความยาวมีขนาดไม่จำกัด ไม้ที่มีความยาวมากๆจะมีราคาสูง(ไม้หน้า 8 นิ้วและหน้า 6 นิ้ว ยาวประมาณ 2 เมตรขึ้น)

สำหรับไม้ที่มีขนาดเล็กหรือเศษไม้ที่เหลือจากไม้แผ่นจะนำมาทำเป็นไม้ปาร์เกต์ โดยนำมาประกอบด้วยระบบร่องลิ้นจนได้เป็นพื้นที่แน่นสนิท ในท้องตลาดมีให้เลือกใช้หลายขนาดและหลายราคา ปาร์เกต์เข้าลิ้นมีขนาดมาตรฐาน 5x30 เซนติเมตร แต่สามารถผลิตได้ใหญ่ถึงขนาด 10x35 เซนติเมตร เมื่อนำมาปูพื้นจึงให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการปูแผ่นไม้จริง แต่มีราคาย่อมเยากว่า

(TIP)
การแบ่งเกรดไม้จะแบ่งตามสีสันและคุณภาพของไม้ เช่น ไม้ปาร์เกต์ชนิดเกรด AAA หรือ A++ เป็นไม้ที่มีคุณภาพดี โดยจะคัดชิ้นไม้ที่มีตาหรือรอยแตกบิ่นน้อย มีสีสันและลายไม้สวยงาม ส่วนไม้ที่มีคุณภาพรองลงไปก็จะระบุเป็นเกรด A หรือ B ซึ่งราคาจะต่างกันพอสมควร ดังนั้นเจ้าของบ้านจึงควรตรวจดูคุณภาพของไม้ที่ใช้ปูพื้นหรือเลือกซื้อไม้ในเกรดที่เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่ โดยเฉพาะการซื้อบ้านตามโครงการบ้านจัดสรรต่างๆที่ระบุสเปกว่าเป็นพื้นไม้ชนิดใดและเป็นไม้เกรดอะไร

2.พื้นไม้สำเร็จรูป
เราสามารถแบ่งพื้นไม้สำเร็จรูปได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ พื้นไม้ทำสีสำเร็จและพื้นไม้ปิดผิวซึ่งก็มีให้เลือกใช้ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า ดังนี้

2.1 พื้นไม้ทำสีสำเร็จรูป เป็นวัสดุปูพื้นที่ผลิตจากไม้จริงทั้งชิ้น โดยนำมาผ่านกรรมวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเนื้อไม้ อาทิ การอบแห้งเพื่อไล่ความชื้น การอัดน้ำยาเพื่อป้องกันปลวกและแมลงกินไม้ต่างๆ จากนั้นนำมาทาหรือย้อมสีไม้ และเคลือบผิวหน้าเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนและช่วยรักษาเนื้อไม้

ปัจจุบันขนาดที่นิยมใช้กันมีหน้ากว้างที่สุดอยู่ที่ 4 นิ้วเท่านั้น ไม้หน้า 6 นิ้ว และหน้า 8 นิ้ว ผู้ผลิตไม่ค่อยทำเพราะไม้หน้ากว้างมากๆจะหายากและมีราคาสูง

2.2 พื้นไม้ปิดผิวสำเร็จรูป สำหรับผู้ที่ต้องการความประหยัด แต่อยากได้ความรู้สึกของไม้ธรรมชาติ การใช้ไม้วิศวกรรม (Engineering Floor) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ไม้ชนิดนี้ทำมาจากแผ่นไม้อัด (Plywood) นำมาปิดผิวหน้าด้วยวัสดุที่มีลวดลายสวยงาม (ลายไม้หรือลายแฟนซี) สำหรับพื้นไม้ประเภทนี้ สามารถแบ่งย่อยตามวัสดุที่นำมาปิดผิวได้ดังนี้

*พื้นไม้ปิดผิวสำเร็จด้วยแผ่นวีเนียร์
เป็นไม้ปูพื้นที่มีความคล้ายคลึงกับไม้ลามิเนต แต่ความแข็งแกร่งจะด้อยกว่า โครงสร้างหลักประกอบด้วยแผ่นไม้อัดหรือไม้ HDF (High Density Fiber Board) ซึ่งรองอยู่ที่พื้นด้านล่าง และมีกาวชนิดพิเศษช่วยยึดเนื้อไม้กับแผ่นวีเนียร์ (ความหนา 0.1-0.2 มิลลิเมตร) ให้ติดแน่นเข้าด้วยกัน จากนั้นใช้น้ำยาเคลือบแข็งหรือสารป้องกันรังสียูวีเคลือบทับผิวหน้าอีกครั้ง เพื่อความคงทนของพื้นไม้
(TIP)
ศิลปะการทำแผ่นไม้บางหรือวีเนียร์ (Veneer) มีอายุเกือบ 4,000 ปีมาแล้ว ผลิตด้วยวิธีการปอก ฝาน หรือเลื่อยไม้ซุงท่อนสั้นออกมาเป็นแผ่นที่มีความหนาสม่ำเสมอกัน การทำไม้ประเภทนี้จะให้ความสำคัญตั้งแต่การคัดเลือกไม้ และลักษณะภายนอกที่เห็นได้ชัด อาทิ สีสัน ลวดลาย และร่องรอยที่เกิดตามธรรมชาติ เพื่อให้ได้ลายไม้ที่สวยงาม เหมาะสำหรับใช้ตกแต่งแผ่นไม้อัด ท็อปโต๊ะ ฯลฯ มีหลายลวดลายและสีสันให้เลือกใช้งาน อาทิ ลายไม้ปุ่มได้จากส่วนที่เจริญเติบโตผิดปกติของต้นไม้ตามธรรมชาติ หรือลายแฟนซีที่ได้จากการย้อมสีเข้าไปในเสี้ยนไม้ เพื่อให้ได้สีสันแปลกใหม่สะดุดตา

* พื้นไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต (Laminated Flooring)
เป็นพื้นไม้สำเร็จรูปที่เกิดจากการนำเศษไม้มาอัดเป็นแผ่น ปิดผิวหน้าด้วยแผ่นฟิล์มพิมพ์ลายไม้ และเคลือบผิวหน้าด้วยเมลามีนเรซิน เพื่อป้องกันการขีดข่วนและการยืดหดตัวของแผ่นไม้ ส่วนชั้นรองพื้นไม้จะมีแผ่นฟิล์มป้องกันความชื้นที่อาจซึมขึ้นมาจากด้านล่าง นิยมใช้ปูพื้นหรือผนังในบ้านพักอาศัย แต่ไม่ควรใช้กับพื้นบ้านชั้นล่าง เนื่องจากอาจมีปัญหาเรื่องปลวกและความชื้น ปัจจุบันมีหลายขนาดและหลายลวดลายให้เลือกใช้ รวมทั้งที่ทำเป็นลายไม้ปาร์เกต์ และแบบย้อมสี

สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของพื้นไม้ลามิเนตที่ผลิตได้มาตรฐาน ส่วนใหญ่ประกอบด้วยชั้นต่างๆประมาณ 4 ชั้น โดยเรียงจากบนลงล่างดังนี้
+ ผิวหน้า เคลือบด้วยอะคริลิกเรซิน ช่วยป้องกันริ้วรอยจากการขีดข่วน สารเคมี และแสงแดด
+ ชั้นลวดลาย เป็นแผ่นฟิล์มพิมพ์ลายเคลือบผิวทั้งแผ่นด้วยเมลามีนเรซิน ป้องกันการยืดหดตัวของแผ่นไม้
+ ชั้นไม้ เป็นแผ่น HDFทนต่อการรับน้ำหนักและแรงกดทับ
+ ชั้นรองพื้นไม้ เป็นแผ่นฟิล์มที่ช่วยป้องกันความชื้นจากด้านล่าง

(TIP)
วัสดุที่นำมาใช้ปิดผิวชั้นไม้ลามเนต มีให้เลือกใช้ทั้งชนิดที่เป็นกระดาษพิมพ์ลาย และแผ่นฟิล์มลาย (ลายไม้หรือลายแฟนซี) ถ้าเป็นไม้ลามิเนตคุณภาพสูง ส่วนใหญ่จะใช้แผ่นฟิล์มลายปิดผิวมากกว่ากระดาษพิมพ์ลาย เพราะสามารถป้องกันความชื้นจากพื้นด้านล่างและมีลวดลายที่ชัดเจนสวยงาม แต่ถ้าเป็นไม้ลามิเนตเกรดต่ำๆ สีของลายไม้จะเพี้ยนหรือดูเบลอๆ ไม่ค่อยทนความชื้น และถ้าเคลือบทับผิวหน้าไม่ดี อาจเกิดความเสียหาย เช่น เป็นรอยขูดขีดและสีสันอาจซีดจางก่อนเวลาอันควร

*พื้นไม้ปิดผิวสำเร็จชนิด 2 และ 3 Layer Engineer Floor
เป็นพื้นไม้ปิดผิวสำเร็จอีกชนิดหนึ่งที่ผลิตจากไม้จริงเช่นกัน เป็นการผสมผสานกันระหว่างความงามของไม้จริงกับความแข็งแกร่งของไม้อัดที่อยู่ด้านล่าง (ยึดติดกันด้วยกาวชนิดทนน้ำ) ไส้ในที่นำมาทำมีทั้งไม้ยางพารา ไม้สนและไส้ไม้อัดประสาน สำหรับผิวหน้าซึ่งเป็นไม้จริงจะมีความหนา 3.5-4 มิลลิเมตร นำมาผ่านกรรมวิธีเพิ่มความแกร่งให้มากกว่าคุณสมบัติเดิมของไม้ อาทิ การอัดน้ำยาเพื่อป้องกันปลวกและแมลงกินไม้ต่างๆ การเคลือบผิวหน้าด้วยยูรีเทนหนา 6-8 ชั้น จึงทนทานและดูแลรักษาง่ายโดยเฉพาะคราบสกปรกต่างๆ สามารถเช็ดออกได้เพียงใช้น้ำยาทำความสะอาดทั่วไป

พื้นไม้ปิดผิวสำเร็จชนิดนี้มีให้เลือกทั้งแบบ 2 Layer Engineer โดยชั้นรองพื้นไม้หรือไส้ในจะเป็นไม้อัดกันน้ำและอัดสลับกันหลายๆชั้น มีความแข็งแรงใกล้เคียงกับไม้จริง และผู้ผลิตบางรายอาจใส่สารป้องกันปลวกและเชื้อราลงไประหว่างชั้นไม้ด้วย อีกชนิดหนึ่งคือ 3 Layer Engineer ชั้นรองพื้นไม้หรือไส้จะเป็นไม้อัดยางหรือไม้สนคุณภาพค่อนข้างต่ำ แต่ใช้ทดแทนไม้จริงได้เช่นเดียวกับไม้ 2 Layer Engineer และมีราคาย่อมเยากว่า

พื้นไม้ปิดผิวสำเร็จทั้งสองชนิดนี้ ส่วนใหญ่จะมีการทำร่อง V เล็กๆ (Micro Beveled) บริเวณขอบของแผ่นไม้ เพื่อลดความเครียดระหว่างรอยต่อของพื้นไม้และช่วยในเรื่องการขยายตัวของพื้นไม้ (ไม่ต้องซ่อมสีในภายหลัง) จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการพื้นไม้จริง แต่เน้นราคาประหยัด โดยเฉพาะสถานที่ที่ต้องการปรับเปลี่ยนพื้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโดมิเนียมหรือสำนักงาน สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องขัดเคลือบสีให้ยุ่งยาก

*ไม้สังเคราะห์ CABONYX
เป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้จากธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งหรือที่เรียกกันว่า WPC (Wood-Plastic Composites) โดยนำคุณสมบัติที่ดีของพลาสติกสูตรพิเศษ ซึ่งมีความเหนียวมาผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับผงไม้(ขี้เลื่อย) แล้วนำมาผ่านเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้มีรูปลักษณ์เหมือนกับไม้จริง คงทนต่อสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน อาทิ ไม้พื้น(Floor-Nyx) เหมาะกับงานปูพื้นภายในอาคารที่ต้องการความสวยงามและดูเป็นธรรมชาติ ทนต่อการขีดข่วน และสามารถป้องกันไม่ให้น้ำซึมผ่านได้

ขอขอบคุณ: บริษัท พรวิวัฒน์ค้าไม้ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายไม้แปรรูปชนิดต่างๆ ทั้งพื้นไม้จริงและไม้ลามิเนต และบริษัท เชมวูด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายพื้นไม้จริงสำเร็จรูป 2 และ 3 Layer Engineer เอื้อเฟื้อข้อมูลและตัวอย่างไม้

เรื่อง : "พจน์"
ภาพ : ปิยะวุฒิ ศรีสกุล



2 ความคิดเห็น:

  1. ผมอยากจะกล่าวขอบคุณผู้เขียนสำหรับทักษะการเขียนขอบคุณสำหรับการแบ่งปันข้อมูลนี้ และเยี่ยมชมเราได้ที่ ไม้ปูพื้น ไม้สัก พื้นไม้ และ พื้นไม้ ไม้บีช พื้น ไม้.

    ตอบลบ
  2. สิ่งที่บล็อกที่ดีคุณได้ที่นี่ โปรดอัปเดตมันบ่อยขึ้น หัวข้อนี้เป็นความสนใจของผม
    White Maple Hardwood Flooring | พื้นไม้ ต้นโอ๊ก oak พื้น ไม้

    ตอบลบ